วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2552

เมื่อสาวๆล้อมวงคุยกัน

แม้หนูจะโตเป็นวัยรุ่นเต็มตัวแล้วก็ตาม แต่เรื่องที่หนูจะโดนปฏิบัติยังเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา แต่ก็ยังไม่เรียกร้องเรียกหาให้เกิดขึ้น ที่ผ่านมาจะรู้เพียงแค่ทฤษฎีเป็นส่วนใหญ่ ส่วนวิชาปฏิบัตินั้น กว่าจะได้เห็น ได้จับอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ตอนช่วงนี้แหละ ช่วงที่โตเป็นสาวแล้วเท่านั้น

ที่ผ่านมา ว่างจากการเรียนก็จะจับกลุ่มคุยกันกับเพื่อนผู้หญิงด้วยกัน ความที่หนูเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว และไม่ได้มีญาติผู้หญิงคนอื่นร่วมพักบ้านหลังเดียวกัน การเรียนรู้ในเรื่องเพศจึงค่อนข้างที่จะห่างเหินและล่าช้าพอสมควร การที่ได้คุยกับเพื่อน ๆ ในโรงเรียนบ้าง บ้านเพื่อนบ้าง จึงเป็นแหล่งข้อมูลในเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง

มีคำถามเกิดขึ้น ส่วนมากก็จะเป็นหนูคนเดียวในกลุ่มเลยที่ต้องส่ายหัว เคยเห็นของผู้ชายรึยัง... เคยจับไอ้นั่นของผู้ชายรึยัง... เคยถูกผู้ชายจับมือมั้ย... เคยมีผู้ชายชวนไปเที่ยวรึเปล่า... ช่วยตัวเองเป็นรึยัง.... เคยช่วยตัวเองรึเปล่า...

แต่ละคำถามหนูล้วนอยู่หลังเขาทั้งสิ้น ผู้ใหญ่บางคนก็บอกว่าดีแล้ว ยังไม่ใช่วัยที่เราจะเรียนรู้ ถามว่าหนูเข้าใจมั้ยสิ่งที่ผู้ใหญ่พูด หนูก็ตอบว่าหนูเข้าใจ แต่สิ่งที่หนูเห็น ทำไมรุ่นหนู วัยหนูแต่ละคนเขาต่างเรียนรู้และรู้จักเรื่องเหล่านี้กันเป็นอย่างดี และพวกเขาก็ไม่ได้ปล่อย หรือทิ้ง หรือมอบความบริสุทธิ์ให้กับใคร ก็ยังคงรักษาคงไว้อยู่กับตัวเองอยู่ทุกคน

สิ่งที่ได้ฟังกับสิ่งที่เห็นมันค้านกัน หนูพยายามอธิบายผู้ใหญ่แต่ละคน เพื่อที่หนูจะได้ฟังได้รู้จากประสบการณ์ผู้ใหญ่ ซึ่งมันอาจจะดีกว่ารับฟังประสบการณ์จากเพื่อนรุ่นเดียวกันหรือรุ่นน้อง หรือเลวร้ายไปกว่านั้น หนูอาจไปเรียนรู้ประสบการณ์ด้วยตัวเองก็เป็นได้

ในกลุ่มเพื่อน เมื่อคุยกัน หนูจะเป็นคนฟังและถามซะส่วนมาก ฟังไปก็นึกภาพตามไป ซึ่งภาพที่หนูนึกตามไปนั้นก็เป็นไปตามที่หนูนึกออก อันไหนนึกไม่ออกก็จะถาม อันไหนไม่กล้าถามเพราะมันอาจจะเกินไปสำหรับการเรียนรู้ หนูก็ไม่ถาม

เพื่อนหนูหลายคนมีพี่น้องผู้ชาย บ้างมีหลานผู้ชาย หลาย ๆ คนได้มีโอกาสเรียนรู้จากตรงนั้น บ้างเรียนรู้จากประสบการณ์การเล่าสู่กันฟัง การถามไถ่ถึงความเป็นไปในเรื่องต่าง ๆ ของผู้ชายในแต่ละวัย บ้างเรียนรู้จากการได้พบเห็นโดยไม่ได้ตั้งใจจะได้เห็น สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นการเรียนรู้ถึงเพศตรงข้ามได้เป็นอย่างดี แล้วแต่ใครจะประมวลผลที่ได้รับมาเป็นยังไง

หนูเองก็อาศัยจากการฟังในกลุ่มเอา เมื่อสมัยเป็นสาวใหม่ หรือที่เค้าพากันเรียกว่า เด็กเห่อหมอย (ต้องขอโทษอย่างมากที่ต้องใช้คำไม่ค่อยสุภาพ) ตั้งแต่ช่วงวัยนี้หนูก็ได้รับเรียนรู้เรื่องเหล่านี้มาเรื่อย ๆ เพื่อนแต่ละคนเริ่มโตขึ้น ได้พบได้เจอได้รู้อะไรใหม่ ๆ เพิ่มเติม ก็จะมาเล่าให้กันฟัง ก็จะเป็นกันอย่างนี้ ขณะที่คนอื่นมีเรื่องเล่าให้ฟังกันเรื่อย ๆ เพราะประสบการณ์การเรียนรู้พาไป แต่กลับกันหนูเองไม่มีเรื่องอะไรจะถ่ายทอดให้เพื่อน ๆ ฟังกันเลย จนหนูได้รับการขนานนามว่า “เด็กโง่”

ตั้งแต่ยังไม่เคยเห็นของจริง เพื่อน ๆ บอกว่าของผู้ชายนะมันยืดได้หดได้ ตอนแรกก็นึกว่ายืดได้หดได้แบบความรู้สึก เหมือนช่วงก่อนและหลังที่หนูจะมีรอบเดือน หน้าอกของหนูมันจะคัดขึ้น เจ็บขึ้น และหายในเวลาต่อมา หนูก็เข้าใจว่าเป็นแบบนั้นมาตั้งนานแสนนาน เพื่อนบอกว่าเคยเห็นของน้องชายวัยไล่เรี่ยกัน เวลาเช้า ๆ ก่อนตื่นนอน มันก็ตุงอยู่ในกางเกงนอนแล้ว เดินผ่านเป็นต้องเห็นมันเคารพธงชาติ เคยลองจับมันก็แข็ง ๆ ไม่ได้อ่อนนิ่มเหมือนแขนพวกเรานะ

บางคนเคยเห็นพี่ชายโดยบังเอิญ ระหว่างที่เขาอาบน้ำ เดินผ่านมองเข้าไปเห็นกำลังจับของตัวเองเล่นอยู่ พอมันแข็งขึ้นก็ชักว่าวเองเฉยเลย ตอนแรกที่เห็นก็ตกใจ แต่ก็ไม่ได้บอกให้รู้ว่าได้เห็นมาจนถึงทุกวันนี้ เพื่อนคนอื่นสมทบเลย ว่าก็เคยเห็นเหมือนกัน บางคนก็เคยเห็นพี่บ้าง น้องบ้าง หรือหลานบ้าง แล้วแต่ของแต่ละคน แต่ที่มีแปลกคือ ได้เห็นของผู้ชายที่ควักไอ้นั่นของเค้ามาอวดให้ดู เพื่อนเล่าไป หนูก็นึกภาพไป นึกออกบ้าง ไม่ออกบ้าง

แต่ก่อนก็คุยกันว่าเวลาผู้หญิงกับผู้ชายเค้าทำอะไรกันน่ะ เค้าทำกันยังไง แต่ละคนก็คุยกันไปต่าง ๆ นา ๆ สุดแล้วแต่ใครจะจินตนาการหรือได้เรียนรู้มา บางคนก็บอกว่าเคยแอบดูวีดีโอของที่บ้าน เห็นเค้าทำกันในหนัง แต่ละคนก็บอกคล้ายกันว่าต้องรีบดู และก็ดูได้ไม่นาน เวลาดูก็ดูแบบกรอไปข้างหน้าเร็ว ๆ ทั้งเดี๋ยวคนอื่นมาเห็น และทั้งรู้สึกห่างไกลเกินไปสำหรับที่จะดู

พอเริ่มโตกันมา ก็เริ่มที่จะได้รู้ได้เห็นอะไรมากขึ้น แต่ละคนเล่าให้กันฟัง บ้างมีคนจีบบ้างล่ะ บ้างไปดูหนังบ้างล่ะ บ้างถูกจับมือล่ะ ถูกชวนไปเที่ยวบ้านบ้างล่ะ แอบขโมยหนังของที่บ้านมาแอบดู บางคนก็สนิทสนมกับพี่น้องผู้ชาย สนิทกันจนขนาดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องพวกนี้ได้เลย ก็เอามาเล่าสู่กันฟัง

เริ่มโต แต่ละคนก็เริ่มห่างกันนิดหน่อย แต่ก็ยังคบหาสมาคมเหมือนเดิม ที่ว่าห่างก็ไม่ได้ห่างไปไหนหรอก ห่างไปกับหนุ่ม ๆ ที่มาจีบนั่นแหละ ไปคนเดียวบ้าง ชวนเพื่อนไปเป็นเพื่อนบ้าง แล้วแต่สถานะการณ์ กลับมากันทีก็มาเล่าให้กันฟัง

โดยเฉพาะในกลุ่มของพวกหนูเมื่อไม่นานมานี้เองก็มีตุ๊ดมาเป็นสมาชิกสามัญของกลุ่มด้วย ไม่รู้ไปพลัดหลงมาจากไหน ตั้งแต่ตุ๊ดคนนี้ได้เข้ากลุ่มด้วยนะ เรื่องราวที่คุยเกี่ยวกับเรื่องเหล่าเนี้ย มันออกรสออกชาติมากเลย บางเรื่องที่ไม่รู้ก็ได้รู้ บางเรื่องที่รู้แบบผิด ๆ ก็ได้รู้ให้ถูกต้อง โดยเฉพาะบางสิ่งที่ไม่เคยเห็น ก็ได้เห็น

เรื่องราวก็เกิดขึ้นจากจุดตรงนี้แหละ เพื่อน ๆ แต่ละคน อยากดูของผู้ชายกัน แต่ก็ย้ำว่าอยากดูอยากเดียว ไม่ต้องการทำอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น ว่าแล้วแต่ละคนก็คะยั้นคะยอของดูของตุ๊ดคนนี้ แต่ยังไงก็ไม่ยอมเปิดให้ดูหมด เชียร์และขอร้องกันมาก ๆ ก็ปลดกางเกงตัวนอกออก เห็นใส่กางเกงในลายลูกไม้ด้วย ตรงเป้าเนี่ยเรียบแป้เลย ถามเค้า เค้าก็ตอบติดตลกว่าไปผ่าตัดออกไปแล้ว แต่เรื่องจริงก็เล่าให้ฟังตอนหลังว่าก็อยู่เหมือนเดิมนั่นแหละ แต่ม้วนเก็บไปข้างหลัง ให้มิดชิดสุด ๆ พวกเราขำกัน หนูก็ขำ แต่นึกภาพไม่ออก

เพื่อน ๆ สองสามคนมาเล่าให้ฟังว่าไปกับตุ๊ดคนนี้มา เค้าพาไปดูของดีมา น่าตกใจมากเลย แต่ก็สนุกดี เพื่อนที่ไม่ได้ไปด้วยต่างรีบถาม คนที่ไปมาแย่งกันตอบ ตุ๊ดคนนี้พาไปที่ใกล้ ๆ บ้านเค้า ก่อนถึงที่หมายก็ได้บอกกับเพื่อนผู้หญิงว่าจะพาไปดูไอ้นั่นของผู้ชาย ได้ดูเฉย ๆ ไม่ต้องทำอะไร เพื่อน ๆ ต่างกล้า ๆ กลัว เดี๋ยวอยากดู เดี๋ยวอยากกลับ แต่ตกลงไปด้วยเพื่อนตุ๊ดรับรองคุณภาพและความปลอดภัย

ไปถึง เห็นรถจอดอยู่คันนึงริมถนน มีผู้ชายนั่งอยู่ฝั่งคนขับ หลังจากตุ๊ดเข้าไปคุยกับชายคนนั้นแล้ว ก็เรียกเพื่อนผู้หญิงที่เหลือเดินเข้าไป ให้ยืนดูอยู่นอกรถ ผู้ชายที่นั่งในรถใส่แว่นดำ เมื่อมองเห็นพวกเราอยุ่ที่ริมรถแล้ว เค้าก็ควักไอ้นั่นเค้าออกมาแล้วก็ชักว่าวให้ดูจนเสร็จ พวกเราเงียบกันหมดเลย พูดอะไรไม่ออก จะก้าวเท้าเดินไปไหนก็ไม่มีแรง พอเค้าเสร็จเรียบร้อย เค้าก็ขับรถออกไปเลย

พวกเราที่ไม่ได้ไปถามถึงรถสีอะไร ทะเบียนอะไร ต่างไม่มีใครตอบได้หรือจำได้เลย แต่ละคนต่างมืนงงกับสิ่งที่เห็น มันรวดเร็วมาก ต้องคุยกันอีกนาน อีกฝ่ายนึงถามคำถามนึง ยังตอบยังไม่จบดี ถามเพิ่มเข้ามาอีก ส่วนหนูก็ฟังอย่างเดียว

หลังจากนั้นสองสามอาทิตย์ ตุ๊ดมาชวนพวกหนูไปอีก บอกว่าเค้าอยากทำให้พวกเราดู แต่ต้องไม่เยอะ ให้ดูแค่ครั้งละสองสามคนพอ พวกเราแต่ละคนบอกไม่เอาเพราะกลัวมันลงมาจากรถแล้วมาทำอะไรพวกเรา แต่เพื่อนตุ๊ดก็ยังยืนยันว่าไม่มีอะไรหรอก ดูอย่างเดียว เค้าไม่ทำอะไรหรอก รับรองได้ พวกเราเริ่มลังเล บทสรุปครั้งสุดท้ายคือ อยากไปดูกันอีก แต่ก็กลัว

สิ่งที่ทำให้พวกสี่คนรวมทั้งเพื่อนตุ๊ด ไปดูครั้งนี้เพราะ ตุ๊ดบอกว่าพี่เค้าให้เงินพวกเราด้วย คราวที่แล้วก็ให้มา แต่ใช้หมดแล้วเลยไม่ได้แบ่ง พวกคนเก่าที่เคยดูครั้งที่แล้ว ตกลงให้คนใหม่ไปดูบ้าง ถ้าได้เงินจริงคราวหน้าค่อยไปดู

แล้วสิ่งที่ไม่เคยเห็นก็ได้เห็น หนูมองไม่เห็นหน้าผู้ชายคนนั้นได้ดีเท่าไหร่ เหตุเพราะตกใจและแปลกใจกับสิ่งที่ได้เห็น ภาพนั้นมันยังค้างอยู่ในตัวหนูอยู่นานวัน แต่แอบคิดอยู่คนเดียว และถามตัวเองว่าเค้าทำอย่างนั้นทำไม เค้ารู้สึกยังไง เค้ามีความสุขมากมั้ย แต่หนูก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองยังไม่ได้

พวกเราได้เงินมาจริง ๆ พวกเรานำไปกินกันเย็นนั้นพร้อมหน้า อาหารจำพวกข้าวเหนียวส้มตำกับคนเกือบสิบคน เงินที่ได้มาจ่ายค่าอาหารแล้วยังเหลือเลย ก็ดีนะ ดูแล้ว เห็นแล้ว ก็ยังได้เงินอีกต่างหาก

แม้จะนาน ๆ ทีที่มีกิจกรรมการดูอย่างว่า พวกเราก็มักจะผลัดเวียนกันไป ตอนแรก ๆ บอกให้คนอื่นไป ตอนหลัง ๆ มาบอกฉันไปเอง ฉันไปเอง ดูแต่ละคนจะติดใจกับการดูที่ปลอดภัย เงินแต่ละครั้งพวกเราก็นำไปกินกัน อิ่มหนำสำราญกันถ้วนหน้า

คราวหลังนี้พวกเราถูกชวนกันไปหมดเลย เพื่อนตุ๊ดบอกว่าสถานที่ก็คือบ้านของเค้าเอง วันนั้นพวกเราเลิกเรียนกันเร็วจึงไปกันได้ครบแก๊งค์ ทันทีที่มาถึงทุกอย่างก็เปิดเผย ผู้ชายคนนั้นคือน้าของเพื่อนตุ๊ดนั่นเอง บ้านก็คือบ้านของน้าเค้าซึ่งก็มีฐานะดีพอสมควร น้าเค้ายังไม่มีครอบครัว อยู่ที่บ้านกับคนรับใช้เพียงลำพัง ส่วนเพื่อนตุ๊ดนั้นอยู่หอพักกับเพื่อน ว่าง ๆ ก็จะพาเพื่อนมานอนที่นี่กัน

พวกเรารู้สึกปลอดภัยมากขึ้น แต่ก็ต้องระวังตัวตามประสาผู้หญิงอยู่แล้ว น้าที่เห็นวันนี้กับผู้ชายที่อยู่ในรถวันนั้น ดูคนละคนกันเลย มาดวันนี้ดูเป็นผู้ใหญ่มาก แต่งตัวดี มีฐานะ ทุกอย่างดูภูมิฐาน ควรค่าแก่การยกย่อง นับถือ พวกเรานั่งกินขนมไปด้วยคุยไปด้วย น้าเค้าเล่าให้ฟัง ซึ่งแต่ละเรื่องฟังแล้วก็น่าเห็นใจในความรู้สึก น้าเค้าเล่าที่มาที่ไปที่ได้ทำอย่างนั้น พวกเราพอเข้าใจมากขึ้น จากเดิมความรู้สึกน่ากลัว แต่ตอนนี้รู้สึกว่าเห็นใจ

หลังจากน้าเค้าเล่าประวัติให้ฟังคร่าว ๆ น้าก็ถามถึงพวกเราบ้าง ได้เห็นแล้วเป็นยังไง เคยเห็นบ้างมั้ย รู้จักบ้างรึเปล่า บางคำถามฟังแล้วไม่น่าฟังเลย คือน้าเค้าถามว่าพวกเราเคยอย่างว่ากับผู้ชายรึยัง เคยช่วยตัวเองรึเปล่า ฟังท่อนนี้แล้วรู้สึกขยะแขยง ฟังแล้วอยากกลับบ้านเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าเพื่อนหนูวันนั้นคิดอย่างนี้รึเปล่า หนูไม่กล้าถาม อีกอย่างคือเห็นเพื่อน ๆ หนูก็ยังคุยถามตอบกันอยู่ ไม่เห็นมีทีท่าว่าอยากจะกลับกันเลย

ไม่รู้ว่าทุกอย่างมันไปของมันยังไง น้าเค้าเริ่มถอดกางเกงของเค้าออกให้พวกเราดูอย่างช้า ๆ ถอดกางเกงในออกก็เห็นของ ๆ เค้าโผล่ขึ้นมา ตอนนี้หนูเห็นได้ชัดกว่าที่ผ่าน ๆ มาซะอีก แม้ว่าจะเคยเห็นเมื่อครั้งก่อน ๆ หน้านี้แล้ว เหมือนว่าจะรู้สึกชิน แต่เปล่าเลย เห็นวันนี้ก็ยังตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า กลัวน้าเค้าจะเดินเข้ามาใกล้ ๆ แล้วเอาไอ้นั่นมาให้ดูหรือจับกัน แบบนั้นคงไม่ไหว แต่น้าไม่ได้ทำอย่างนั้น น้าเค้าใช้มือจับของน้าเค้าเอง แล้วก็อธิบายไปด้วยว่ากำลังทำอะไรอยู่

แต่น้าเค้าก็ไม่ลืมถามถึงพวกหนู ว่าเห็นตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง ตอนนี้รู้สึกยังไง เดี๋ยวจะชักว่าวแล้วนะ มองเห็นกันรึเปล่า มองกันถนัดมั้ย ชักแล้วนะ ใกล้เสร็จแล้วนะ อะไรประมาณเนี้ย แน่นอน หนูนั่งเงียบ ดูอย่างเดียว แต่พอน้าเค้าหันมาทางหนู หนูต้องหลบสายตาลง กลัวว่าน้าเค้าจะถาม

วันนี้พวกเราได้แบงค์กันคนละใบ แต่พวกเราก็เอามารวมกัน เก็บไว้กินมื้อหน้า

ภาพที่ได้เห็นอะไรชัด ๆ มันยังวนเวียนอยู่เรื่อย ๆ ว่างเมื่อไหร่ เรื่องนี้เป็นต้องแทรกตัวเข้ามาหาทุกที อยู่กับตัวเองแบบส่วนตัว ได้ลองสำรวจตัวเองบ้าง มันก็แปลกดี คิดไปแล้วถ้าเกิดหนูมีอย่างเค้าบ้างคงตลกดีไม่เบา คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

งวดต่อไป เพื่อนตุ๊ดส่งข่าวมาว่างานนี้ไม่มีเงินให้ แต่เป็นเด็กหนุ่มรุ่นเดียวกันกับพวกเรา จะชักว่าวให้ดู พวกเราสนใจมั้ย พวกเราต่างตกลง แต่เวลาไปกันจริง ๆ กลับเหลือแค่เกินครึ่ง ซึ่งหนูก็เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ไปกับเขาด้วย

ครั้งนี้ที่บ้านของน้าเค้าเหมือนเดิม รู้ว่าพวกผู้ชายเค้ามาถึงก่อนพวกเราแล้ว พวกเราต้องรอให้พวกผู้ชายพร้อมก่อน โดยเพื่อนตุ๊ดต่างเวียนเข้าเวียนออกส่งข่าวให้ทราบเป็นระยะ ๆ เพื่อนตุ๊ดบอกว่าพวกผู้ชายเค้าจะหลบอยู่หลังม่าน จะเปิดให้เห็นเพียงแค่ช่วงท่อนล่างเท่านั้น

พวกเราขอยืนดูกันที่ริมหน้าต่าง ส่วนผู้ชายที่จะมาทำให้ดูนั้นอยู่ในห้อง มีม่านที่ถูกทำกันเองขึงอยู่ เผยให้เห็นเพียงแค่ต่ำกว่าอกต่ำกว่าเอวลงมาเท่านั้น เพื่อนตุ๊ดส่งสัญญาณพร้อม พวกเราเรียงหน้าพร้อมดู ผู้ชายคนนึงเดินโผล่มาจากด้านหลัง พวกเราเห็นแต่ขา เมื่อเข้าจึงรู้ว่าเค้านุ่งแค่ผ้าขนหนู เมื่อยืนได้ตำแหน่ง เขาถอดผ้าขนหนูออก หนูเห็นของ ๆ เขาแล้วรู้สึกว่าน่ารัก น่าดูกว่าของน้าเค้ามากเลย ขนไม่รกรุงรัง ไข่หดกลมไม่ยาน หน้าท้องขาวจั๊ว พุงไม่มี ตูดงอนเล็กน้อย ขาเรียว ท่าทางจะสูง

เค้าจับของเค้า สักพักนึงมันก็โด่ขึ้น แล้วเค้าก็ชักว่าวให้ดูจนเสร็จ หนูเห็นแล้วก็รู้สึกดี รู้สึกน่าดู รู้สึกอยากดูอีก หนูเหลือบดูเพื่อน ๆ เห็นตั้งใจดูกันใหญ่ พอชักเสร็จก็หันมายิ้มให้กัน เพื่อนตุ๊ดบอกว่ามีอีกคนนึงนะ เสียงพรึมพรำของเพื่อนหนู บอกว่าจัดมาเลย กี่คนก็จะดู ปลอดภัยอย่างนี้ดูได้ไม่เบื่อ

ตกลงวันนั้นพวกหนูได้ดูชมของดีเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันถึง 3 คน แต่ละคนก็มีลีลาแตกต่างกันไป ขนาดก็ต่างกันบ้างตามหุ่น หลังจากคนสุดท้ายทำให้พวกเราดูเสร็จ พวกเราถูกต้อนให้กลับบ้านกันไปก่อน เนื่องจากกลัวรู้ว่าผู้ชายทั้งสามคนนั้นเป็นใคร

ช่วงหลังจากนั้นที่โรงเรียนพวกเราต่างเม้าส์แตกกันใหญ่เลย พวกเราต่างมองขามองช่วงล่างของผู้ชายที่เดินผ่านไปผ่านมา แล้วก็วิจารณ์ว่าใช่รึเปล่า ใช่คนนี้รึเปล่า เป็นที่สนุกสนานยิ่งนัก

หลังจากนั้นพวกเราก็ได้ไปดูแบบเดิมอย่างว่าอีกครั้งสองครั้ง แต่หนูไม่ได้ไปด้วยเลย เพราะช่วงนั้น หนูถูกที่บ้านสั่งให้กลับบ้านตรงเวลา เนื่องจากพักหลังเดี๋ยวกลับช้า เดี๋ยวช้ามาก จนโดนบ่นหลายครั้งแล้ว แต่ก็อาศัยฟังจากเพื่อนเล่าให้ฟัง

ตอนนี้ไปไกลกว่าเดิมแล้ว พวกเราได้ลองจับของพวกหนุ่ม ๆ นั่นด้วย คนที่เคยสัมผัสต่างแย่งกันเล่าให้ฟัง คนฟังก็ถามถึงความรู้สึกว่าจับแล้วเป็นยังไง หนูก็ฟังลูกเดียว นอกจากบางคนได้จับแล้ว ก็มีบางคนได้ลองชักว่าวให้ด้วย จนพวกผู้ชายต้องอ้อนวอนให้ชักว่าวต่อให้เค้าเสร็จเลยก็มี แล้วเจ้าตัวก็เล่าความรู้สึกให้ฟัง

ด้วยความอยากรู้อยากเห็น คราวนี้หนูไม่พลาด แม้ว่าเสี่ยงต่อการถูกตำหนิได้ คราวนี้พวกเราไม่ได้ยืนอยู่ขอบหน้าต่างด้านนอกแล้ว น้าเค้าจัดมุมใหม่ให้ ยังไงพวกผู้ชายสามสี่คนนั้นก็ไม่ยอมให้พวกเราเห็นหน้าค่าตาของพวกเขาเลย มาครั้งนี้ดูแปลกตากว่าเก่ามาก เพราะพวกผู้ชายออกมาทำให้ดูทีเดียวเลย 3 คน หนูเห็นแล้วตื่นเต้น กวาดสายตาไปมาให้ครบถ้วนเลยทั้งสามคนเลย

ถามเพื่อนตุ๊ดเบา ๆ ว่าพวกเขาไม่อายกันเหรอ เพื่อนตุ๊ดบอกเค้าทำม่านกั้นข้างในด้วย ต่างคนต่างมองไม่เห็นกัน ยังไม่ทันไร เพื่อนหนูก็เข้าไปจับไอ้นั่นของเขา อีกคนเดินตามพร้อมจูงมือหนูเข้าไปด้วย ยิ่งเข้าไปใกล้ ๆ ก็ยิ่งตื่นเต้น ใจสั่นไม่เป็นจังหวะ รู้สึกหน้าชาหูชา ขาเบาไม่มีแรง ยิ่งได้ลองจับของเขาแล้วยิ่งสะท้านไปทั้งทรวง

หนูถูกผู้ชายคนอื่นอ้อนวอนให้ลองจับของเค้าบ้าง จนหนูได้ลองจับครบทั้งสามคน คนละหลายครั้ง ขณะเดียวกันหนูก็ได้ลองจับและชักว่าวเป็นครั้งแรก ครั้งนี้หนูเกินเลยถึงขนาดชักว่าวให้เค้าเสร็จคามือเลย แม้รู้สึกผิด รู้สึกไม่ดีกับสิ่งที่ได้ทำไป แต่อารมณ์ความอยากรู้อยากเห็นมันก็มีมากกว่า และอาจเพราะดูจากโดยรวมแล้วมันมีความปลอดภัยกับตัวเองค่อนข้างสูง

หนูหายเงียบไปนานเหมือนกัน อย่างแรกหนูถูกที่บ้านตำหนิเรื่องเวลา อย่างที่สองหนูยังปรับตัวปรับใจไม่ค่อยทัน ไม่กล้าคุยกับใครเรื่องนี้ ไม่กล้าฟังเรื่องเหล่านี้ มันเหมือนตัวเองไปทำความผิดอะไรร้ายแรงมา มันเหมือนตัวเองไม่บริสุทธ์แล้ว มันเหมือนตัวเองแก่แดดเกินไป มันเหมือนตัวเองใจแตกแล้ว อะไรสารพัดที่มันวนเวียนไปมาในหัวหนูด้วยความสับสน

ขณะเดียวกันหนูก็รู้สึกได้ถึงปฏิกิริยาในตัวหนู กลับมาบ้าน กางเกงในมันแฉะ แบบแฉะเปียกเหนียว จับของตัวเองดูก็รู้สึกถึงความแฉะที่ชุ่มฉ่ำเกินเหตุ เป็นอย่างนี้เกือบทุกครั้งที่ได้ไปเห็นมา เป็นอย่างนี้เกือบทุกครั้งเมื่อแค่คิดถึงเรื่องที่ได้เห็น เมื่อสำรวจตัวเอง ลองดู ลองจับ จับแบบนั้น จับแบบนี้ ลองแบบนั้น ลองแบบนี้ สิ่งเล้นลับที่เต็มไปด้วยความสุขที่ผู้หญิงหลาย ๆ คนตามหาแต่ไม่ค่อยได้เจอมากนัก บัดนี้หนูเจอแล้ว หนูถึงบางอ้อว่าอะไรคือความสุขสุดยอด

เมื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับสมาชิกผู้มีอำนาจภายในบ้านได้แล้ว แม้ว่าจะต้องสะสมความดีความชอบด้วยระยะเวลาอันยาวนาน แต่ก็ไม่สายเกินไปสำหรับเรื่องนี้ ขณะเดียวกันหนูเองก็ได้ติดตามข่าวสารจากการคุยของเพื่อน ๆ เสมอ ที่ผ่านมาจำต้องปฏิเสธและอดใจ แต่ก็แก้ขัดได้ด้วยการรับฟังและกลับไปนึกคิด จินตนาการถึงเรื่องที่ได้รับรู้มา แล้วจัดการกับตัวเองเมื่อมีโอกาส

ทุกวันนี้อยากหาบรรยากาศใหม่ ๆ ที่เหมาะแก่การดูบรรดาเหล่าผู้ชายกระทำกิจกามด้วยตัวเอง แล้วถ้าดูสะอาด น่าจับ ก็จะขอจับ ขอสัมผัสด้วย แล้วถ้าทุกอย่างดูดีอย่างถูกใจ ก็จะชักว่าวให้เสร็จคามือเลยด้วย

แต่บรรยากาศที่ว่า จะต้องดูแล้วปลอดภัย ไม่หมิ่นเหม่ ไม่เอื้อให้ตัวเองต้องถูกกระทำมิดีมิร้าย ต้องมั่นใจได้ว่า จะได้ดูอย่างเดียว จะให้เห็นหน้าคนทำหรือไม่ให้เห็นก็ได้ สถานที่ที่ไปก็ไม่ใช่ลึกลับ กลับไม่ถูก หรือเป็นช่วงเวลาที่ดึกเกินไป

ถ้าเป็นไปได้อย่างที่ว่านะ รับรองจะไปนั่งเฝ้า นั่งดูทุกวันเลย ถูกใจใครก็ขอจับซักทีสองที ถูกสเปคมากนัก ก็จะขอชักว่าวให้ด้วยเลย

แต่ทุกวันนี้มันไม่มีที่ไหนที่จะรู้สึกถึงความปลอดภัยได้เลย คงต้องอาศัยจากกลุ่มเพื่อน ๆ ที่ได้ไปมา ที่ได้สัมผัสมา แล้วมาเล่าให้ฟัง ฟังแล้วสถานที่ที่ไหนที่น่าไป ก็ค่อยไป

ทุกวันนี้ไม่คิดที่อยากมีอะไรกับผู้ชาย เรื่องอย่างว่านั้นไม่ได้คิดตอนนี้ คิดไปโน่นเลย ตอนแต่งงานแล้วเท่านั้นถึงจะมีอะไรกัน แต่ความรู้สึกเรื่องเพศนั้น ตอนนี้ติดใจอยู่อย่างเดียว คือ ขอแค่ให้ได้เห็นพวกผู้ชายเค้าชักว่าวให้ดู ก็พอใจแล้ว หรืออย่างน้อย ๆ ก็แค่ได้ฟังจากปากพวกผู้ชาย ว่าเวลาชักว่าว เค้ารู้สึกยังไง เค้าคิดอะไรอยู่ เค้าจินตนาการถึงอะไร แบบนี้หนูเองก็มีความสุขเหมือนกัน

หรืออย่างน้อยที่สุด ฟังจากเพื่อน ๆ เค้าคุยกัน “ก็พอได้”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น